Saturday, March 1, 2008

7-Feb-2008 ครบรอบหนึ่งอาทิตย์ในห้องไอซียู

ผมเชื่อว่าบันทึกนี้ คงจะเป็นสิ่งเตือนใจของผม และครอบครัวของผมเองในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เรากำลังจะต้องผ่านพ้นไปให้ได้ และคงไม่มีใครอยากให้สิ่งที่น่าเศร้าใจอย่างนี้เกิดขึ้นแน่นอน

หลานของผม น้องปอนด์ ได้เข้าห้องไอซียู ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. 2551 ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจ และต้องอาศัยการดูดเสมหะเกือบทุกๆ สองชั่วโมงตลอดช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์แรก อาการของน้องปอนด์ดีขึ้นเล็กน้อย ค่อนจะอยู่ไปในทางทรงๆ มากกว่า คุณหมอวินิจฉัยว่าน้องปอนด์เป็นปอดติดเชื้อ จึงได้ให้ยาฆ่าเชื้อตลอดสัปดาห์แรก น้องปอนด์รับอาหารผ่านทางน้ำเกลือ และได้รับอาหารเหลวโดยสอดท่อเข้าทางจมูก ดูสภาพแล้วน่าสงสารมากๆ สำหรับเด็กอายุ 11 ขวบที่ปกติแม้จะต้องนั่งรถเข็น เพราะเป็นเด็กที่มีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมาแต่เกิด แต่น้องปอนด์มีอารมณ์ร่าเริง คุยเก่ง มีมุขตลก ชอบทำให้คนรอบข้างหัวเราะมีความสุข กลับต้องมาเป็นเด็กที่นอนโดยมีท่อต่างๆ สอดเข้าทั้งจมูกและปาก เป็นภาพที่ไม่มีใครอยากเห็นแน่ๆ

เรายังโชคดีที่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้มีทีมพยาบาลที่ให้ความช่วยเหลือได้ดีมากๆ เป็นห่วงเป็นใยน้องปอนด์ จึงทำให้พวกเราสมาชิกในครอบครัวรู้สึกสบายใจในระดับหนึ่ง น้องปอนด์ไม่สามารถพูดได้แล้ว เพราะมีท่อช่วยหายใจสอดอยู่ในปาก เวลาจะสื่อสารจึงต้องใช้ดินสอเขียนบนกระดาษ และพวกเราต้องพยายามช่วยกันตีความหมาย เป็นที่ครื้นเครงได้ในช่วงเวลาเศร้าๆ ของพวกเรา

และยังโชคดีที่ทางห้องไอซียู อนุญาตให้คุณแม่ของน้องปอนด์ ซึ่งเป็นพี่สาวของผมเองนอนค้างคืนได้ด้วยในห้องนั้น (ห้องไอซียูที่นี่เป็นห้องเดี่ยว) จึงทำให้น้องปอนด์ไม่เหงา

พวกเราแวะเวียนกันไปเยี่ยมน้องปอนด์ และอยู่เป็นเพื่อนน้องปอนด์ทุกวัน และบรรดาเพื่อน ญาติๆ และคนรู้จัก ต่างแวะเวียนกันมาเยี่ยมบ่อยๆ พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่อีกนานเท่าไหร่ อาการของปอดก็ดีขึ้น แต่ก็ยังคงติดเชื้ออยู่ จึงยังจำเป็นต้องอยู่ในห้องไอซียูต่อ ผมคุยกับน้องปอนด์ว่า เออ.. ถ้าหายแล้วเนี่ย..น้องปอนด์ต้องมาเล่าให้ กู๋ ฟังด้วยนะว่ารู้สึกยังไง แล้วเราจะมาบันทึกไว้ น้องปอนด์จะต้องมาเขียนเป็นหนังสือเล่าไว้นะว่าช่วงชีวิตที่อยู่ในห้องไอซียูนี้ เป็นอย่างไร เพราะเข้าใจว่าน้องปอนด์คงจะอึดอัดมาก และคงจะมีหลายๆ คนที่อยากรู้ว่าคนที่ต้องเข้าไอซียู เป็นอย่างไร และควรจะต้องป้องกันตัวเองอย่างไรให้ห่างๆ จากห้องไอซียู นี้

ผมได้ถ่ายรูปของน้องปอนด์ตอนใส่ท่อหายใจเก็บไว้แค่รูปเดียวเอง.. เพราะมันเศร้าน่ะครับ..

No comments: